5 พฤติกรรมที่เลวร้ายที่สุดที่คนเราทำต่อกันมันสร้างความเจ็บปวดได้ไม่ต่างกับการทุบตีได้เลย
- ภูริตา อังสุวร
- 7 ม.ค.
- ยาว 1 นาที
อัปเดตเมื่อ 6 เม.ย.
เคยรู้สึกเหมือนถูกมองข้าม? ถูกตัดสิน? หรือถูกบังคับให้เชื่อในสิ่งที่ไม่ใช่ความจริง? นั่นอาจเป็นเพราะคุณกำลังเผชิญกับพฤติกรรมที่ทำร้ายจิตใจ ซึ่งเป็นบาดแผลที่มองไม่เห็น แต่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตของเราอย่างรุนแรง พฤติกรรมเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่คำพูดหรือการกระทำ แต่เป็นการค่อยๆ กัดเซาะความมั่นใจในตนเองและทำให้เรารู้สึกโดดเดี่ยว

1. การบิดเบือนความจริง (Gaslighting): เมื่อความจริงกลายเป็นเรื่องโกหก
การบิดเบือนความจริงเป็นการบิดเบือนทางจิตวิทยาที่ร้ายกาจ เพราะผู้กระทำจะพยายามทำให้เหยื่อสงสัยในความคิดและความรู้สึกของตัวเอง เช่น การปฏิเสธว่าเคยพูดอะไรไว้ หรือกล่าวหาว่าเหยื่อเข้าใจผิด ซึ่งจะทำให้เหยื่อรู้สึกสับสนและไม่มั่นใจในตนเอง ตัวอย่าง: "เธอจำผิดไปเองแหละ" หรือ "เธอคิดมากเกินไปแล้ว"
ตัวอย่าง
1. การบิดเบือนความจริง (Gaslighting)
เรื่องสั้น: "ความจริงที่หายไป"
เมย์เล่าเรื่องให้เพื่อนฟังว่าเธอเจอแฟนเก่าที่ร้านกาแฟ แต่แฟนเก่าบอกว่าไม่ได้เจอเมย์เลย เมย์รู้สึกสับสนมาก เพราะเธอจำได้ว่าเห็นแฟนเก่าชัดเจน แต่แฟนเก่ากลับยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และบอกว่าเมย์คงคิดไปเอง เมย์เริ่มสงสัยในความจำของตัวเอง และรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังบ้าไป
รายละเอียด: ในเรื่องนี้ แฟนเก่าของเมย์กำลังใช้การบิดเบือนความจริงเพื่อทำให้เมย์สับสนและไม่มั่นใจในตนเอง เขาปฏิเสธความจริงที่เกิดขึ้นและพยายามทำให้เมย์เชื่อว่าเธอเข้าใจผิด ซึ่งเป็นวิธีการควบคุมและบงการที่ค่อนข้างร้ายกาจ

2. การท่วมท้นด้วยความรัก (Love Bombing): ภัยร้ายที่แฝงมาในความรัก
การท่วมท้นด้วยความรักดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ดี แต่เมื่อความรักนั้นมากเกินไปและรวดเร็วเกินไป มันกลับกลายเป็นเครื่องมือในการควบคุมและบงการผู้อื่น ผู้กระทำจะมอบความรัก ความสนใจ และความเอาใจใส่ให้เหยื่ออย่างมากมายในช่วงแรก เพื่อให้เหยื่อหลงใหลและพึ่งพาตนเอง เมื่อได้เป้าหมายแล้ว ความรักนั้นก็จะหายไป ทิ้งให้เหยื่อรู้สึกสูญเสียและเจ็บปวด
ตัวอย่าง
2. การท่วมท้นด้วยความรัก (Love Bombing)
เรื่องสั้น: "รักแท้หรือหลุมพราง"
เจมส์เพิ่งคบกับคนที่ดูเหมือนจะเพอร์เฟ็กต์ทุกอย่าง คนรักใหม่ของเขาให้ของขวัญมากมาย พาไปเที่ยวในที่สวยงาม และแสดงความรักอย่างเปิดเผยตลอดเวลา แต่เมื่อเวลาผ่านไป เจมส์เริ่มรู้สึกอึดอัดกับความสนใจที่มากเกินไป และรู้สึกว่าคนรักของเขาต้องการควบคุมทุกอย่างในชีวิตของเขา
รายละเอียด: ในเรื่องนี้ คนรักใหม่ของเจมส์กำลังใช้การท่วมท้นด้วยความรักเพื่อดึงดูดและควบคุมเจมส์ เมื่อเจมส์เริ่มรู้สึกไม่สบายใจ คนรักของเขาก็จะเพิ่มความสนใจเข้าไปอีก เพื่อไม่ให้เจมส์หนีไปไหน

3. การทำให้รู้สึกผิด (Guilt-Tripping): อาวุธลับที่ใช้ควบคุมผู้อื่น
การทำให้รู้สึกผิดเป็นวิธีการที่ผู้กระทำใช้เพื่อบังคับให้เหยื่อทำตามความต้องการของตน โดยการทำให้เหยื่อรู้สึกผิดต่อสิ่งที่ไม่ได้ทำ หรือทำให้เหยื่อรู้สึกว่าตนเองเป็นต้นเหตุของปัญหาทั้งหมด ตัวอย่าง: "ถ้าเธอรักฉันจริง เธอจะทำตามที่ฉันขอ" หรือ "เพราะเธอไม่ช่วยฉัน ฉันเลยรู้สึกแย่"
ตัวอย่าง
3. การทำให้รู้สึกผิด (Guilt-Tripping)
เรื่องสั้น: "ความผิดที่ไม่มีวันหมด"
แม่ของหนูตาลมักจะบอกหนูตาลว่า ถ้าหนูตาลสอบไม่ได้ตามที่แม่คาดหวัง แม่จะเสียใจมาก หนูตาลจึงรู้สึกกดดันและกลัวที่จะทำให้แม่ผิดหวังเสมอ แม้ว่าหนูตาลจะพยายามอย่างเต็มที่แล้วก็ตาม
รายละเอียด: แม่ของหนูตาลกำลังใช้ความรู้สึกผิดเป็นเครื่องมือในการควบคุมพฤติกรรมของลูก โดยทำให้ลูกรู้สึกว่าความสำเร็จของลูกเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับแม่ ซึ่งเป็นการสร้างความกดดันที่ไม่จำเป็นให้กับเด็ก

4. การลดคุณค่า (Belittling): ทำลายความมั่นใจทีละน้อย
การลดคุณค่าคือการทำให้เหยื่อรู้สึกว่าตนเองไม่มีค่า ไม่มีความสามารถ และไม่ดีพอ ผู้กระทำอาจใช้คำพูดดูถูกเหยียดหยาม หรือเปรียบเทียบเหยื่อกับคนอื่นในทางที่ไม่ดี ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความนับถือตนเองของเหยื่ออย่างรุนแรง
ตัวอย่าง
4. การลดคุณค่า (Belittling)
เรื่องสั้น: "ฉันไม่ดีพอ"
บอมเป็นนักดนตรีที่ใฝ่ฝันอยากเป็นศิลปิน แต่เพื่อนสนิทของเขามักจะพูดดูถูกความสามารถของบอม บอกว่าเพลงที่บอมแต่งไม่ดี และบอมไม่มีทางประสบความสำเร็จในวงการดนตรี ทำให้บอมเริ่มไม่มั่นใจในตัวเองและเกือบจะเลิกทำตามความฝัน
รายละเอียด: เพื่อนของบอมกำลังใช้การลดคุณค่าเพื่อทำลายความมั่นใจของบอม ทำให้บอมรู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่าและไม่ดีพอ ซึ่งเป็นการกระทำที่ทำร้ายจิตใจอย่างรุนแรง

5. การปฏิเสธความรู้สึก (Invalidation): ทำให้ความรู้สึกกลายเป็นเรื่องไร้สาระ
การปฏิเสธความรู้สึกของผู้อื่นเป็นการบอกว่าความรู้สึกของเหยื่อนั้นไม่ถูกต้อง หรือไม่สำคัญ ผู้กระทำอาจบอกว่าเหยื่อ "คิดมากเกินไป" หรือ "อ่อนไหวเกินไป" ซึ่งจะทำให้เหยื่อรู้สึกโดดเดี่ยวและไม่เข้าใจในตัวเอง
ตัวอย่าง
5. การปฏิเสธความรู้สึก (Invalidation)
เรื่องสั้น: "ความรู้สึกของฉันไม่สำคัญ"
เมย์เล่าให้แฟนฟังว่าเธอรู้สึกเศร้าเพราะทะเลาะกับเพื่อน แต่แฟนของเธอตอบกลับมาว่า "เธอคิดมากไปเองแหละ" หรือ "เรื่องแค่นี้ทำไมต้องเสียใจด้วย" ทำให้เมย์รู้สึกว่าความรู้สึกของเธอไม่มีความหมาย
รายละเอียด: แฟนของเมย์กำลังปฏิเสธความรู้สึกของเมย์ ทำให้เมย์รู้สึกว่าความรู้สึกของเธอไม่ถูกต้องและไม่สำคัญ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ในระยะยาว
ผลกระทบของพฤติกรรมเหล่านี้
พฤติกรรมที่ทำร้ายจิตใจสามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตของเหยื่อได้อย่างรุนแรง เช่น ภาวะซึมเศร้า ความวิตกกังวล ความผิดหวังในความสัมพันธ์ และความไม่มั่นใจในตนเอง
การป้องกันตัวเอง
ตระหนักถึงสัญญาณ: เรียนรู้ที่จะสังเกตสัญญาณของพฤติกรรมที่ทำร้ายจิตใจ
ตั้งขอบเขต: กำหนดขอบเขตที่ชัดเจนในการเข้าสังคม
พูดคุยกับคนใกล้ชิด: แบ่งปันความรู้สึกกับคนที่คุณไว้ใจ
ขอความช่วยเหลือ: หากคุณรู้สึกว่ากำลังเผชิญกับปัญหาเหล่านี้ ควรขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ
คำแนะนำเพิ่มเติม:
ใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย: หลีกเลี่ยงคำศัพท์ทางจิตวิทยาที่ซับซ้อน
ยกตัวอย่างที่หลากหลาย: เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจได้ง่ายขึ้น
เชื่อมโยงกับประเด็นทางสังคม: เช่น การบูลลี่ในโรงเรียน การคุกคามทางออนไลน์
เน้นถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพจิต: กระตุ้นให้ผู้อ่านหันมาใส่ใจสุขภาพจิตของตนเองและผู้อื่น
SEO Keywords: พฤติกรรมทำร้ายจิตใจ, gaslighting, love bombing, guilt-tripping, belittling, invalidation, สุขภาพจิต, ความสัมพันธ์, การบูลลี่
หมายเหตุ: บทความนี้เป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้น หากคุณกำลังเผชิญกับปัญหาเหล่านี้ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต
Comments